มูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนาราชกัญญา ร่วมการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียว่าด้วยการอนุรักษ์หญ้าทะเลและพะยูน

วันที่ 20 ก.พ.68 พลเรือเอก สุวิน แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด / รองประธานกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย  ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนาราชกัญญา       ร่วมพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคเอเชีย ครั้งที่ 1 ว่าด้วยการอนุรักษ์หญ้าทะเลและพะยูน (First Asian Regional Dialogue on Seagrass and Dugong Conservation: From Gaps to Impactful Action) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-21 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ

การประชุมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคในการปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศหญ้าทะเล รวมถึงการอนุรักษ์ประชากรพะยูนในระยะยาว และเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมนักวิจัย ผู้กำหนดนโยบาย และนักอนุรักษ์จากภาครัฐและเอกชน เพื่อหารือแนวทางการอนุรักษ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยการไปร่วมงานของมูลนิธิฯ ในครั้งนี้ เป็นการเข้าไปแสดงตัวตนของมูลนิธิเพื่อให้หน่วยงานภายนอกได้รู้จักมูลนิธิฯ และแสดงให้เห็นว่ามูลนิธิฯ มีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนการอนุรักษ์และมีเป้าหมายที่จะได้ร่วมทำงานกับองค์กรระดับนานาชาติในอนาคตซึ่งได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพเรือ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมควบคุมมลพิษ กรมประมง และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการพัฒนากลยุทธ์ที่สอดคล้องกับนโยบายระดับภูมิภาคในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนต่อไป

สำหรับการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียว่าด้วยการอนุรักษ์หญ้าทะเลและพะยูน มีองค์กรและหน่วยงานสำคัญเข้าร่วม อาทิ

1. โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UN Environment Programme: UNEP)

2. องค์กรประสานความร่วมมือทางทะเลเอเชียตะวันออก (Coordinating Body on the Seas of East Asia: COBSEA)

3. โครงการยุทธศาสตร์ทะเลจีนใต้ของ UNEP/GEF (South China Sea Strategic Action Programme: SCS-SAP)

4. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการอนุรักษ์และบริหารจัดการพะยูนและแหล่งที่อยู่อาศัยตลอดช่วงการกระจายพันธุ์ (Dugong MOU) ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยชนิดพันธุ์สัตว์ป่าอพยพ (Convention on Migratory Species: CMS)

5. ความริเริ่มด้านภูมิอากาศนานาชาติ (International Climate Initiative: IKI)